เหล็กเป็นวัสดุที่มีความสำคัญอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา โดยทั่วไปแล้ว เหล็กจะมีลักษณะเป็นโลหะที่แข็งแรง ทนทาน และสามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เหล็กถูกใช้ในการสร้างสิ่งต่างๆ เช่น อาคาร สะพาน รถยนต์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย เพราะมีคุณสมบัติที่ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในการขับเคลื่อนและรับกระแสไฟฟ้า
การผลิตเหล็กจำเป็นต้องผ่านกระบวนการขึ้นต้นด้วยการถ่ายพันธุ์โดยการผสมผสารของเหิน (iron ore) และถ่านหิน (coal) ในเตาหลอม เมื่อเหินละลายแล้วจะได้เหล็กขั้นพื้นฐานที่สามารถใช้งานได้ เหล็กมีความสำคัญอย่างมากในอุตสาหกรรมและการพัฒนาทุกประเทศ เพราะส่งผลโดยตรงต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการผลิตผู้บริโภคให้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีขึ้น
ขนาดเหล็กคืออะไร? ในวงกว้างของอุตสาหกรรมเหล็กและก่อสร้าง, ขนาดเหล็กคือการวัดและบ่งชี้ถึงขนาดที่ต่างๆ ของชิ้นส่วนเหล็ก เช่น ความยาว, ความกว้าง, และความหนา เป็นต้น การระบุขนาดเหล็กที่ถูกต้องมีความสำคัญในการผลิตและใช้ประโยชน์จากเหล็กรูปพื้นฐาน เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนารูปแบบและโครงสร้างที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้อง
การใช้ข้อมูลของขนาดเหล็กร่วมกับการจัดทำแบบ Blueprints (แผนผัง) จะช่วยให้ผู้ที่จัดทำโครงการสร้างได้ออกแบบและปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะสม และการใช้ขนาดเหล็กที่ถูกต้องยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อวัสดุที่เหมาะสมกับโครงการของตนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม, ขนาดเหล็กไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง แต่ยังมีการใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ยานพาหนะ, เครื่องจักร, และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเหล็กรวมถึงโครงสร้างของบ้านและอื่นๆ
ขนาดเหล็ก C หมายถึงขนาดที่ใช้ในการระบุและติดตั้งเหล็ก C ที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างเช่น เพลาผู้ปฏิบัติงาน โครงสร้างอาคาร และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต้องมีความแข็งแรง ขนาดของเหล็ก C จะถูกวัดโดยการบ่อยครั้งจะมีความกว้าง (width) เช่น 100 mm, 150 mm, 200 mm เป็นต้น และความสูง (height) เช่น 50 mm, 75 mm, 100 mm เป็นต้น การเลือกใช้ขนาดของเหล็ก C เหมาะสมจะไปพิจารณาร่วมกับการใช้โหลด (load) ที่โครงสร้างจะได้รับและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้โครงสร้างที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการใช้งาน