ช่วงหน้าฝน หลายพื้นที่เผชิญปัญหาน้ำท่วม การขับขี่บนท้องถนนอาจมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการ ขับรถลุยน้ํา ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวเราเอง ผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ บทความนี้ เราจะมาแนะนำ วิธีการขับรถลุยน้ําอย่างปลอดภัย และ อธิบายว่า กรณีเกิดความเสียหายแก่บุคคลที่สามขณะขับรถลุยน้ํา พรบ. หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถ พ.ศ. 2555 จะช่วยอะไรได้บ้าง
อันตรายจากการขับรถลุยน้ํา
รถเสีย: น้ำอาจเข้าเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า หรือ ระบบอื่นๆ ของรถ ทำให้รถเสียหาย
อุบัติเหตุ: ถนนที่ท่วมน้ำ อาจมองไม่เห็นหลุม บ่อ หรือ สิ่งกีดขวาง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เสียชีวิต: กระแสน้ำที่ไหลแรง อาจพัดพารถ หรือ ผู้โดยสาร จนเกิดอันตรายถึงชีวิต
วิธีการขับรถลุยน้ําอย่างปลอดภัย
หลีกเลี่ยง: หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ํา หาเส้นทางอื่นที่ปลอดภัยกว่า
ตรวจสอบ: ก่อนลุยน้ํา ตรวจสอบสภาพน้ำ ความลึกของน้ำ กระแสน้ำ และ สภาพเส้นทาง
ขับขี่ช้าๆ: ขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ คงที่ ไม่ควรเร่งเครื่องหรือเบรกกระทันหัน
ระยะห่าง: รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เผื่อเวลา เผื่อระยะทาง สำหรับการหยุดรถ
ปิดแอร์: ปิดระบบปรับอากาศ เพื่อป้องกันน้ำเข้าช่องแอร์
ไฟหน้า: เปิดไฟหน้า เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
ดับเครื่อง: หากน้ำท่วมสูงเกิน ควรดับเครื่องยนต์ รอให้ระดับน้ำลดลงก่อน
พรบ. กับการขับรถลุยน้ํา
หากเกิดความเสียหายแก่บุคคลที่สาม ขณะขับรถลุยน้ําควรปฏิบัติอย่างไรให้พรบ. คุ้มครอง ดังนี้
ค่ารักษาพยาบาล: พรบ. จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อคน ต่อครั้ง
ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน: พรบ. จะคุ้มครองค่าเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลที่สาม ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม พรบ. จะ ไม่คุ้มครองความเสียหายของรถยนต์ของเราเอง และ ค่าเสียหายที่เกินกว่าวงเงิน ที่ พรบ. กำหนด ผู้ขับขี่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เอง